ผู้เขียน จิณณรักษ์ เจตน์รังสรรค์ CFP®
การทำงานหนักในวันนี้ทำให้หลายคนสงสัยว่า ควรจะวางแผนเกษียณยังไงให้ตอบโจทย์กับทุกค่าใช้จ่ายในวันที่ไม่ได้ทำงานแล้ว ซึ่งนอกจากการวางแผนการเงินสำหรับชีวิตหลังเกษียณ ตลอดจนการหาวิธีคิดเงินหลังเกษียณแล้ว การบริหาร Provident Fund หรือ PVD ที่เป็นสวัสดิการการลงทุนจากการทำงานก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่ควรใส่ใจ
ในปัจจุบันนี้ เมื่อต้องการเกษียณอายุ หรือ ออกจากงานด้วยเหตุผลส่วนตัว ลูกจ้างอย่างเรา ๆ ยังสามารถนำเงินจาก Provident Fund ไปลงทุนต่อใน RMF เพื่อสร้างผลตอบแทนอย่างต่อเนื่องได้เช่นกัน แต่การย้าย PVD ไปลงทุนใน RMF จะมีประโยชน์กับแผนเกษียณมากน้อยแค่ไหน มีเรื่องใดที่ต้องระวัง วันนี้นักวางแผนการลงทุนเพื่อการเกษียณจาก Money Adwise มีคำตอบ
การทำงานแต่ละแห่งมาพร้อมสวัสดิการที่แตกต่างกันออกไป โดยนายจ้างบริษัทเอกชนชั้นนำหลายแห่งได้มีการจัดตั้ง “กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ” (Provident Fund : PVD) ขึ้นมาเพื่อเป็นหลักประกันให้กับลูกจ้างในวันที่ต้องเกษียณอายุ หรือ ออกจากงาน
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพอย่าง Provident Fund จะมีเงินลงทุนมาจาก 2 ส่วน คือ “เงินสะสม” จากทางลูกจ้าง และ “เงินสมทบ” จากทางนายจ้าง ซึ่งจำนวนเงินที่นำมาลงทุนนี้จะแตกต่างไปตามเงื่อนไขของแต่ละบริษัท
เมื่อรวมเงินและจัดตั้งเป็นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพแล้ว บริษัทที่ทำงานจะจัดหา “บริษัทจัดการ” มาเพื่อบริหารกองทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนต่อไป ซึ่งการลงทุนในส่วนนี้ก็จะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของกองทุน โดยลูกจ้างสามารถตรวจสอบได้จากหนังสือชี้ชวนที่ได้รับจากทางบริษัท
ดังนั้น หากมองภาพรวมแล้ว ผลตอบแทนที่ลูกจ้างจะได้รับจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจะมีด้วยกัน 3 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นเงินออมสะสม ส่วนที่เป็นเงินสมทบจากนายจ้าง และผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนของตัวกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ทำให้การลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นการวางแผนการเงินสำหรับหลังเกษียณที่มีประสิทธิภาพอย่างหนึ่งเลยทีเดียว
อย่างไรก็ดี ลูกจ้างสามารถเลือกได้ว่าจะร่วมลงทุนกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัทหรือไม่ แต่สำหรับลูกจ้างที่เข้าร่วมลงทุน นายจ้างจะมีการกำหนดเงื่อนไขในการถอน หรือ ขายกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เช่น กำหนดระยะเวลาทำงาน หรือเงื่อนไขอื่น ๆ ตามที่กำหนดไว้ในกองทุน
หมดสงสัย!
กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เป็นกองทุนที่จัดตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมการออมของผู้ทำอาชีพราชการ แต่จะแตกต่างจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) ตรงที่ กบข. จะเปิดโอกาสให้ผู้ทำอาชีพราชการเลือกได้ว่าจะรับเป็นเงินบำนาญ หรือ บำเหน็จ ซึ่งถือเป็นสวัสดิการเพิ่มเติมจากการได้รับเงินบำเหน็จ หรือ บำนาญจากกรมบัญชีกลาง
กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (Retirement Mutual Fund : RMF) คือ การลงทุนเพื่อการเกษียณรูปแบบของกองทุน มีจุดประสงค์เพื่อการออมเงินระยะยาว ทั้งยังมอบสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษี และที่สำคัญ นักลงทุนยังสามารถเลือกสินทรัพย์ที่ต้องการลงทุนได้ตามความเสี่ยงและเป้าหมายที่ต้องการ ซึ่งจะแตกต่างจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ทางบริษัทจัดเตรียมไว้ให้ทั้งหมดแล้ว
การลงทุน RMF มีเงื่อนไขว่า ผู้ลงทุนจะต้องลงทุนใน RMF อย่างน้อย 5 ปี และจะสามารถขายคืนเมื่ออายุครบ 55 ปี โดยนักลงทุนจะต้องลงทุน RMF เป็นประจำทุกปี สามารถเว้นการลงทุนได้ไม่เกิน 1 ปี เว้นแต่จะได้รับการยกเว้น ซึ่งหากนักลงทุนละเมิด หรือ ไม่ปฎิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวก็จะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี อีกทั้งผลตอบแทนที่ผ่านมายังต้องนำมาคำนวณเพื่อเสียภาษีอีกด้วย
การลงทุน RMF ถือเป็นการลงทุนระยะยาวที่มุ่งเน้นให้ผู้ลงทุนมีเงินใช้ในยามเกษียณอายุ ซึ่งถึงแม้จะไม่สามารถถอนเงินออกมาใช้ได้ แต่การเพิ่มการลงทุนเข้าไปเรื่อย ๆ เพื่อเพิ่มต้นทุนในการลงทุนก็เป็นการเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่มากขึ้นได้เช่นกัน
เมื่อชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงจนทำให้ต้องเปลี่ยนงานใหม่ หรือ ใครที่ถึงอายุที่ต้องเกษียณจากการทำงานแล้ว บ่อยครั้งก็จะไม่สามารถลงทุนกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพต่อได้ เนื่องจากไม่มีสวัสดิการรองรับ หรือหากยังคงการลงทุนเอาไว้ที่กองทุนสำรองเลี้ยงชีพอยู่ ก็อาจมาพร้อมกับค่าธรรมเนียมคงไว้ปีละ 500 บาท จะถอนออกก็ยังศึกษาเงื่อนไขทางภาษีและเสียภาษีให้ถูกต้อง แถมเจ้าของเงินยังจะไม่สามารถเลือกสินทรัพย์การลงทุนที่ต้องการได้อีก
ด้วยเหตุนี้ เพื่อรักษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีและผลตอบแทนที่ได้จากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และเพื่อเป็นการสร้างผลตอบแทนในการวางแผนการเงินสำหรับหลังเกษียณ พร้อมรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้จาก RMF หลาย ๆ คนจึงตัดสินใจย้ายการลงทุนจากองทุนสำรองเลี้ยงชีพมายัง RMF ในสินทรัพย์การลงทุนที่สนใจและตรงกับเป้าหมายทางการเงินที่ต้องการ
โดยลูกจ้างที่สนใจจะย้ายการลงทุนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไป RMF ก็สามารถดำเนินตามขั้นตอน ดังนี้
เพียง 3 ขั้นตอนก็สามารถย้ายการลงทุนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไปยัง RMF ได้แล้ว นอกจากนี้ การโอนเงินลงทุนในส่วนนี้ยังไม่มีค่าธรรมเนียม และการลงทุน RMF เองก็ไม่ต้องเสียค่าสมาชิกรายปี ทำให้ได้รับผลตอบแทนที่เต็มจำนวนขึ้น
แม้จะสะดวกและตอบโจทย์การลงทุนเพื่อการเกษียณ แต่ก่อนจะตัดสินใจย้ายการลงทุนจากองทุนสำรองเลี้ยงชีพมา RMF นักลงทุนยังต้องพิจารณาเงื่อนไขอื่น ๆ เพิ่มเติม ดังนี้
เมื่อต้องการเกษียณอายุ หลายคนมักสงสัยว่า รายได้หลังเกษียณนั้นได้แก่อะไรบ้าง ซึ่งนอกจากจะเป็นเงินปันผลและดอกเบี้ยแล้ว ทุกคนยังสามารถสร้างรายได้จากการลงทุนเพื่อการเกษียณอย่าง RMF
โดยกองทุนรวม RMF เป็นอีกหนึ่งการลงทุนที่นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้อย่างหลากหลาย มีให้เลือกลงทุนหลายกอง สลับการลงทุนได้ตามต้องการ ทั้งยังมาพร้อมกับความเสี่ยงที่แตกต่างกันออกไป แต่เพื่อให้เลือกลงทุนในกองทุนที่ตอบโจทย์ความต้องการ นักลงทุนควรเตรียมตัว ดังนี้
นอกจากการจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและ RMF แล้ว การวางแผนการเงินและการลงทุนหลังเกษียณยังมีความเสี่ยงที่ต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ สุขภาพ การเสียชีวิต ไปจนถึงการบริหารจัดการเงินเพื่อประโยชน์ของตัวเอง คนรอบข้าง และช่วยรองรับเหตุไม่คาดฝันมากมาย
ดังนั้น เพื่อเป็นการวางแผนเกษียณได้อย่างรัดกุมทุกความเป็นไปได้ การปรึกษาการลงทุนและการเงินเพื่อการเกษียณจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม หากยังไม่แน่ใจจะวางแผนเกษียณยังไง ปรึกษานักวางแผนทางการเงินที่ได้รับการรับรองคุณวุฒิวิชาชีพ CFP® จาก Money Adwise เพื่อรับแผนเกษียณที่เหมาะกับคุณได้ทันที ปรึกษาครั้งแรกฟรี นัดปรึกษาได้ที่นี่