ประกันชีวิตควบการลงทุนทางเลือกใหม่ของการวางแผนการเงินระยะยาว

การวางแผนการเงินที่ดีไม่ใช่แค่การออมเพื่ออนาคต แต่คือการออกแบบแผนชีวิตที่สมดุลระหว่าง ความคุ้มครอง ความเสี่ยง และ โอกาสในการสร้างความมั่งคั่ง ซึ่ง “ประกันชีวิตควบการลงทุน” หรือที่เรียกกันว่า Unit Linked ถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือการเงินที่ตอบโจทย์คนยุคใหม่ได้ดีที่สุด เพราะผสานประโยชน์ 2 ด้านเข้าด้วยกันอย่างลงตัว

Money Adwise ในฐานะผู้ให้คำปรึกษาทางการเงินมืออาชีพที่ได้รับการรับรอง CFP® เข้าใจดีว่าลูกค้าแต่ละคนมีเป้าหมายและไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง เราจึงช่วยวางแผนซื้อประกันชีวิตควบการลงทุน Unit Linked ให้เหมาะสมที่สุด ทั้งด้านเบี้ยประกันภัย ผลตอบแทน และการจัดพอร์ตการลงทุน เพื่อให้คุณมั่นใจว่าทุกย่างก้าวด้านการเงินได้ถูกออกแบบมาเพื่ออนาคตที่มั่นคงและเสริมสร้างการเติบโตในระยะยาว

ประกันชีวิตควบการลงทุน (Unit Linked) คืออะไร ?

ประกันชีวิตควบการลงทุน หรือที่เรียกกันว่า “ประกันยูนิตลิงก์” (Unit Linked) คือนวัตกรรมทางการเงินที่ผสมผสานระหว่าง "ประกันชีวิต" และ "การลงทุน" เข้าไว้ด้วยกันในกรมธรรม์ฉบับเดียว โดยเบี้ยประกันที่คุณชำระจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนอย่างชัดเจน

  1. ส่วนที่ 1 : เพื่อความคุ้มครองชีวิต ส่วนนี้จะถูกนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการทำประกันภัย เช่น ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เพื่อให้คุณได้รับความคุ้มครองชีวิตตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
  2. ส่วนที่ 2 : เพื่อการลงทุน ส่วนที่เหลือจะถูกนำไปลงทุนในกองทุนรวมที่คุณเลือก โดยคุณสามารถเลือกกองทุนได้ตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ-กลาง-สูง ก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามเป้าหมายและช่วงอายุของคุณ

ทำไมประกันชีวิตควบการลงทุนถึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ?

ประกันยูนิตลิงก์กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในกลุ่มคนที่ต้องการวางแผนการเงินอย่างยืดหยุ่น เพราะไม่เพียงให้ความคุ้มครองชีวิตเหมือนประกันภัยทั่วไป แต่ยังเพิ่มมิติของการลงทุนเข้ามาด้วย จึงเหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการทั้ง “ความมั่นคง” และ “การเติบโต” ของเงินในเวลาเดียวกัน

  • ยืดหยุ่นสูงกว่าประกันภัยทั่วไป : ผู้เอาประกันภัยสามารถปรับเพิ่มหรือลดความคุ้มครองได้ตามสถานการณ์ รวมถึงเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนระหว่างกองทุนต่าง ๆ ได้ ทำให้แผนยังตอบโจทย์แม้เป้าหมายชีวิตเปลี่ยนไป
  • โอกาสสร้างผลตอบแทนระยะยาว : เบี้ยส่วนที่นำไปลงทุนสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มผ่านกองทุนที่เลือกเองได้ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนหุ้น กองทุนตราสารหนี้ หรือกองทุนผสม ซึ่งช่วยให้เงินงอกเงยมากกว่าการฝากหรือลงทุนผ่านประกันภัยแบบดั้งเดิม
  • ใช้เป็นเครื่องมือวางแผนภาษี : เบี้ยประกันภัยสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ตามสิทธิ์ที่กฎหมายกำหนด จึงช่วยทั้งปกป้องความเสี่ยง เพิ่มการลงทุน และประหยัดภาษีในคราวเดียว
  • สภาพคล่องดีกว่า : หากมีเหตุจำเป็นสามารถถอนเงินบางส่วนออกมาใช้ได้ โดยไม่จำเป็นต้องยกเลิกกรมธรรม์ทั้งหมด ทำให้มีเงินหมุนเวียนรองรับเหตุการณ์ฉุกเฉิน
  • เหมาะกับหลายเป้าหมายการเงิน : ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนเกษียณ การศึกษา บริหารภาระครอบครัว หรือแม้แต่สร้างมรดก ประกัน Unit Linked สามารถปรับใช้ได้ตามเป้าหมายเฉพาะของแต่ละคน

ด้วยเหตุนี้ ประกันยูนิตลิงก์จึงถูกมองว่าเป็น “ทางเลือกที่ครบกว่า” สำหรับคนที่ต้องการทั้งความคุ้มครองและโอกาสในการต่อยอดเงินลงทุนในอนาคต

ประกันชีวิตแบบดั้งเดิม vs ประกันชีวิตควบการลงทุน

 

ประกันชีวิตแบบดั้งเดิม

ประกันชีวิตควบการลงทุน

วัตถุประสงค์หลัก

คุ้มครองชีวิตและออมเงิน

คุ้มครองชีวิตและสร้างการเติบโตของเงินลงทุน

มูลค่าเงินสด

มูลค่าเงินสดกำหนดชัดเจนตามตารางของกรมธรรม์

เปลี่ยนแปลงตามการเติบโตของกองทุน และอาจมีค่าธรรมเนียมหากมีการถอน

ผลตอบแทน

เป็นไปตามที่บริษัทกำหนดไว้ตอนทำสัญญา

ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของกองทุนรวมที่เลือก 

ความยืดหยุ่น

ต่ำ ไม่สามารถปรับเปลี่ยนวงเงินคุ้มครองหรือเบี้ยประกันภัยได้ง่าย

สูง สามารถปรับเปลี่ยนวงเงินคุ้มครอง, ปรับเบี้ย, สับเปลี่ยนกองทุน และถอนเงินลงทุนบางส่วนได้

ค่าใช้จ่าย

ไม่แสดงรายละเอียดค่าใช้จ่ายแยก แต่รวมอยู่ในเบี้ยประกันภัย

แสดงรายละเอียดค่าใช้จ่ายอย่างโปร่งใส เช่น ค่าประกันภัย ค่าบริหารกรมธรรม์ และค่าธรรมเนียมลงทุน

สิทธิประโยชน์ทางภาษี

เบี้ยประกันภัยทั้งหมดสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ตามเกณฑ์กรมสรรพากร

สามารถนำเฉพาะส่วนเบี้ยฯ ที่เป็นความคุ้มครองชีวิตไปใช้ลดหย่อนภาษีได้

เหมาะกับใคร

ผู้ที่ต้องการความคุ้มครองระยะยาวแบบชัดเจน

ผู้ที่ต้องการทั้งความคุ้มครองและการลงทุนเพื่อเพิ่มมูลค่า

ประกันชีวิตควบการลงทุนมีกี่แบบ ?

รูปแบบของประกันชีวิตควบการลงทุนมีอะไรบ้าง ? โดยทั่วไป ประกันชีวิตควบการลงทุนแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบหลัก ดังนี้

  1. แบบชำระเบี้ยครั้งเดียว (Single Premium – SP) : เหมาะสำหรับผู้ที่มีเงินก้อนและต้องการความคุ้มครองชีวิตควบคู่กับการลงทุน โดยชำระเบี้ยเพียงครั้งเดียว แต่ยังได้รับความคุ้มครองยาวนาน พร้อมโอกาสสร้างผลตอบแทนจากกองทุน
  2. แบบชำระเบี้ยรายงวด (Regular Premium – RP) : เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการวางแผนการเงินระยะยาวและบริหารเงินสดหมุนเวียน สามารถเลือกชำระเบี้ยเป็นรายปี ราย 6 เดือน หรือรายเดือน ความคุ้มครองมักสูงกว่าแบบครั้งเดียว และยังคงมีโอกาสสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน

เลือกประกันชีวิตควบการลงทุนอย่างไรให้ตอบโจทย์เป้าหมายชีวิต ?

1. ความคุ้มครองชีวิตที่ต้องการ (Sum Assured)

คำถามแรกที่ต้องตอบหากต้องการทำประกันชีวิตในรูปแบบนี้ก็คือ "คุณต้องการความคุ้มครองชีวิตเท่าไร ?" เนื่องจากทุนประกันชีวิตคือสิ่งสำคัญที่สุดในการวางแผนความมั่นคงให้กับคนที่คุณรัก หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน

  • แนวทางการพิจารณา : ประเมินจากภาระทางการเงินทั้งหมดของคุณ เช่น หนี้สิน (บ้าน, รถ), ค่าใช้จ่ายในครอบครัว, ค่าเล่าเรียนบุตรในอนาคต ไปจนถึงค่าใช้จ่ายส่วนตัวที่จำเป็นสำหรับคนข้างหลังอย่างน้อย 3-5 ปี
  • สิ่งที่ต้องรู้ : ทุนประกันภัยที่สูงขึ้น จะส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการประกันภัย (Cost of Insurance - COI) สูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งจะถูกหักออกจากมูลค่าบัญชีกรมธรรม์ ดังนั้น การเลือกทุนประกันภัยในระดับที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้มีเงินเหลือไปลงทุนได้อย่างเต็มศักยภาพ

  

2. รูปแบบการชำระเบี้ยประกันภัย (Premium Payment Mode)

Unit Linked เปิดโอกาสให้คุณเลือกวิธีการชำระเบี้ยฯ ได้ 2 รูปแบบหลัก ซึ่งเหมาะกับสไตล์ทางการเงินที่แตกต่างกัน

  • การชำระเบี้ยฯ รายงวด (Regular Premium - RP) : เป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมสูงสุด เหมาะสำหรับผู้ที่มีรายได้ประจำ โดยเป็นการทยอยชำระเบี้ยประกันภัยอย่างสม่ำเสมอ (รายเดือน, ราย 3 เดือน, ราย 6 เดือน หรือรายปี)
    • ข้อดี : สร้างวินัยในการออมและการลงทุน, ใช้เงินก้อนไม่ใหญ่, ได้ประโยชน์จากการถัวเฉลี่ยต้นทุน (Dollar-Cost Averaging - DCA) ช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด
  • การชำระเบี้ยฯ ครั้งเดียว (Single Premium - SP) : เหมาะสำหรับผู้ที่มีเงินก้อน เช่น ได้รับโบนัส, เงินเกษียณ หรือมรดก และต้องการนำเงินไปลงทุนเพื่อให้เติบโตในระยะยาว พร้อมได้รับความคุ้มครองชีวิต
    • ข้อดี : ไม่ต้องกังวลกับการชำระเบี้ยประกันภัยในอนาคต, เงินลงทุนได้เริ่มทำงานทันทีเต็มจำนวน

  

3. ระยะเวลาชำระเบี้ยฯ (Premium Payment Term)

นอกจากการเลือกว่าจะจ่ายครั้งเดียวหรือจ่ายรายงวดแล้ว สำหรับประกันยูนิตลิงก์แบบรายงวด (RP) คุณยังต้องเลือกว่าต้องการ "จ่ายเบี้ยฯ นานแค่ไหน" ซึ่งแต่ละแผนจะมีตัวเลือกที่แตกต่างกัน เช่น

  • แบบกำหนดระยะเวลาสั้น : เช่น 5 ปี, 10 ปี หรือ 20 ปี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการวางแผนเคลียร์ภาระค่าเบี้ยประกันภัยให้จบในระยะเวลาที่แน่นอน และปล่อยให้เงินลงทุนเติบโตต่อไปในระยะยาว
  • แบบชำระเบี้ยฯ ต่อเนื่องยาว : เช่น ชำระถึงอายุ 80 ปี หรือ 99 ปี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นสูงสุด สามารถชำระเบี้ยฯ ไปเรื่อย ๆ เพื่อเพิ่มเม็ดเงินลงทุนอย่างต่อเนื่อง หรือสามารถใช้สิทธิ์หยุดพักชำระเบี้ย (Premium Holiday) ในอนาคตเมื่อมูลค่าบัญชีกรมธรรม์มีมากเพียงพอ

  

4. รูปแบบการบริหารจัดการกองทุน (Fund Management Style)

นี่คือหัวใจสำคัญของส่วน "การลงทุน" ในประกันยูนิตลิงก์ โดยสามารถเลือกได้ตามความรู้และเวลาที่คุณมี

  • ให้ผู้เชี่ยวชาญจัดพอร์ตให้ (Managed Portfolios / Model Portfolios) : บริษัทประกันภัยจะจัดพอร์ตการลงทุนสำเร็จรูปตามระดับความเสี่ยงมาให้เลือก เช่น พอร์ตเสี่ยงต่ำ, ปานกลาง, หรือสูง คุณเพียงแค่เลือกระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ที่เหลือผู้จัดการกองทุนของบริษัทจะคอยดูแลปรับสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมกับสภาวะตลาด
    • เหมาะกับใคร : ผู้เริ่มต้นลงทุน, ผู้ที่ไม่มีเวลาติดตามข่าวสาร หรือไม่ต้องการตัดสินใจเลือกกองทุนด้วยตนเอง
  • เลือกกองทุนเอง (DIY Fund Selection) : การลงทุนในรูปแบบนี้จะให้อิสระแก่คุณในการเลือกจัดสรรเงินลงทุนไปยังกองทุนรวมต่าง ๆ ที่บริษัทประกันภัยคัดเลือกมาให้ (Fund List) โดยสามารถเลือกผสมผสานกองทุนได้ด้วยตัวเอง และสามารถสับเปลี่ยนกองทุนได้ตลอดเวลาเพื่อให้เหมาะกับเป้าหมายและสถานการณ์
    • เหมาะกับใคร : ผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องการลงทุน รวมถึงผู้ที่ต้องการควบคุมพอร์ตการลงทุนของตนเองอย่างเต็มที่

  

การพิจารณาปัจจัยทั้ง 4 ข้ออย่างรอบคอบ จะช่วยให้คุณเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นและสามารถเลือกแผนประกันชีวิตควบการลงทุนที่สอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงิน ความสามารถในการรับความเสี่ยง และไลฟ์สไตล์ของได้อย่างลงตัวที่สุด

ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกทำประกันชีวิตควบการลงทุน

ประกันชีวิตควบการลงทุนจาก AIA ที่ Money Adwise แนะนำ

Money Adwise พร้อมเป็นผู้ช่วยในการสร้างความมั่นคงของชีวิตในระยะยาวด้วยการนำเสนอประกันยูนิตลิงก์หลากหลายแผน เพื่อให้คุณเลือกแบบประกันชีวิตควบการลงทุนที่ตรงกับเป้าหมายการเงินอย่างชัดเจน พร้อมคำปรึกษาทำประกันยูนิตลิงก์ AIA จากนักวางแผนการเงิน CFP® และเครื่องมือวิเคราะห์ที่แม่นยำ

1. AIA Wealth Max (Unit Linked)

  • เหมาะกับใคร ? คนที่ต้องการออมเงินระยะยาว พร้อมโอกาสได้รับโบนัสแบบจัดเต็ม "MAX"
  • ระยะเวลาคุ้มครอง : ถึงอายุ 99 ปี (ตลอดชีพ)
  • ช่วงอายุผู้ขอเอาประกันภัย : 15 วัน – 60 ปี

  

จุดเด่นหลัก 

  • โบนัส PowerUp ครั้งเดียว 150% ของเบี้ยประกันภัยหลักปีแรก ในปีกรมธรรม์ที่ 20
  • โบนัสต่อเนื่อง 2% ของเบี้ยประกันภัยหลักที่ชำระตั้งแต่ปีกรมธรรม์ที่ 10 เป็นต้นไป
  • มี Non-Lapse Guarantee 10 ปี ช่วยให้คุณมั่นใจว่าความคุ้มครองจะยังคงอยู่แม้สถานะการเงินของพอร์ตไม่พร้อม
  • ใช้บริการ AIA InvestPro เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญสามารถบริหารการลงทุนของคุณได้อย่างมั่นคง

  

2. AIA Issara Plus (Unit Linked)

  • เหมาะกับใคร ? คนที่ต้องการความคุ้มครองชีวิตควบสุขภาพ และความยืดหยุ่นด้านการลงทุน
  • ระยะเวลาคุ้มครอง : ตลอดชีพ
  • ช่วงอายุผู้ขอเอาประกันภัย : 15 วัน - 70 ปี

  

จุดเด่นหลัก:

  • เบี้ยเริ่มต้นต่ำ (ประมาณ 12,000บาท/ปี)
  • สามารถแนบกรมธรรม์สุขภาพเพิ่มเติม (เช่น UDR) เพื่อคงเบี้ยไม่เพิ่มตามอายุ
  • ได้รับ Retirement Bonus 0.45% ต่อปี สำหรับระยะยาว
  • เน้นความยืดหยุ่นสูง ๆ เช่น เพิ่ม/ลดความคุ้มครอง หรือปรับพอร์ตลงทุนได้หลายรูปแบบ

  

3. AIA Smart Select (Unit Linked)

  • เหมาะกับใคร ? คนที่ต้องการปรับเปลี่ยนแผนได้ทุกช่วงชีวิต เน้นทั้งสุขภาพและผลตอบแทนจากการลงทุน
  • ระยะเวลาคุ้มครอง: ตลอดชีพ (ถึงอายุ 99ปี
  • ช่วงอายุผู้ขอเอาประกันภัย: เริ่มได้ตั้งแต่ 15 วัน – 70 ปี (ตามต้นฉบับที่ผู้ใช้ระบุ)

  

จุดเด่นหลัก 

  • ปรับเพิ่ม/ลดความคุ้มครองได้ตามช่วงชีวิต
  • โบนัสพิเศษสูงสุด 5% ของเบี้ยประกันภัยหลัก หากไม่ทำธุรกรรมลดหรือถอนภายในช่วงเวลาที่กำหนด
  • ไม่มีค่าธรรมเนียมเมื่อสับเปลี่ยนกองทุน เพื่อปรับพอร์ตตามสภาวะตลาด
  • เหมาะมากสำหรับวางแผนการศึกษา หรือเกษียณที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง

   

4. AIA Smart Wealth (Unit Linked)

  • เหมาะกับใคร ? คนที่พร้อมจ่ายเบี้ยครั้งเดียว อยากได้ความคุ้มครองตลอดชีพและผลตอบแทนจากการลงทุน เช่น การวางแผนส่งต่อทรัพย์สิน
  • ระยะเวลาคุ้มครอง : ตลอดชีพ (ถึงอายุ 99 ปี)
  • ช่วงอายุผู้ขอเอาประกันภัย : 15 วัน – 75 ปี

  

จุดเด่นหลัก:

  • ชำระเบี้ยเพียงครั้งเดียว (onetime premium)
  • ได้ความคุ้มครองขั้นต่ำ 150% ของเบี้ยที่จ่าย
  • เหมาะกับการวางแผนมรดกหรือเกษียณ และเน้นความสะดวก — จ่ายครั้งเดียวจบ

  

ทำไมควรวางแผนประกันชีวิตควบการลงทุนกับ Money Adwise ?

  • คำปรึกษาจากนักวางแผนการเงิน CFP® : ทีมที่ปรึกษาทางการเงินของ Money Adwise ได้รับคุณวุฒิ Certified Financial Planner (CFP®) ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับโลกในการวางแผนการเงิน คุณจึงมั่นใจได้ว่าคำแนะนำของเราอยู่บนพื้นฐานของความรู้ ความเชี่ยวชาญ และจรรยาบรรณวิชาชีพขั้นสูง
  • การวิเคราะห์ความเสี่ยงเชิงลึก (Risk Profiling) : ไม่ใช่แค่ถามว่าคุณอยากซื้อประกันควบการลงทุนมากหรือน้อย แต่มีการประเมินความเสี่ยงอย่างละเอียด เพื่อหาสัดส่วนระหว่างความคุ้มครองและการลงทุนที่ลงตัวที่สุดสำหรับเป้าหมายส่วนตัว
  • ติดตามและปรับแผนอย่างต่อเนื่อง : ไม่ใช่เพียงแค่เริ่มต้น แต่ Money Adwise มีการรีวิวและอัปเดตพอร์ตลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แผนยังคงตอบโจทย์ตามการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจและเป้าหมายชีวิต
  • ความร่วมมือกับบริษัทประกันชั้นนำ : Money Adwise ทำงานร่วมกับแบรนด์ประกันภัยระดับประเทศ เช่น AIA เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงผลิตภัณฑ์ Unit Linked ที่มั่นคง โปร่งใส และมีมาตรฐานสูง
  • การวางกลยุทธ์ครบวงจร : ไม่จำกัดแค่การให้คำปรึกษาซื้อประกันชีวิตควบการลงทุน แต่ช่วยคุณออกแบบเส้นทางการเงินทั้งระบบ ตั้งแต่การลงทุน ภาษี ไปจนถึงแผนเกษียณและการส่งต่อมรดก
  • ขั้นตอนง่าย ไม่ซับซ้อน : เราได้ออกแบบขั้นตอนการใช้บริการให้ง่ายและสะดวกสบายที่สุด เพียงคุณลงทะเบียนรับคำปรึกษา เราจะนัดหมายเพื่อพูดคุย ประเมิน และนำเสนอแผนที่เหมาะสมให้กับคุณ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ในการปรึกษาครั้งแรก

  

ให้ Money Adwise เป็นผู้ช่วยในการเลือกแบบประกันชีวิตควบการลงทุนที่จะทำให้ทุกเป้าหมายทางการเงินของคุณเป็นจริง นอกจากนี้เรายังให้คำปรึกษาและช่วยวางแผนการเงินการลงทุนเพื่อความมั่นคงอย่างรอบด้าน เช่น แผนกองทุนสุขภาพระยะยาว ประกันสุขภาพเบี้ยคงที่ รวมถึงประกันรูปแบบอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อชีวิต นักวางแผนการเงินคุณวุฒิ CFP® ของ Money Adwise พร้อมให้คำปรึกษาและอยู่เคียงข้างจนเป้าหมายทางการเงินของคุณบรรลุผล ลงทะเบียนนัดรับคำปรึกษาครั้งแรกไม่มีค่าใช้จ่าย หรือปรึกษาด่วนผ่านทาง LINE Official @MoneyAdwise

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำประกันชีวิตควบการลงทุน (FAQ)

เหมาะกับคนที่ต้องการควบรวมความคุ้มครองชีวิตและการลงทุนไว้ด้วยกัน และพร้อมรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ระดับหนึ่ง อีกทั้งยังมองหาความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนแผนตามช่วงชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป

คุณสามารถถอนเงินบางส่วนจากมูลค่าหน่วยลงทุนในกรมธรรม์ได้ ค่าใช้จ่ายในการถอนขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของกรมธรรม์ การถอนเงินอาจทำให้วงเงินคุ้มครองลดลงได้ จึงควรปรึกษานักวางแผนทางการเงินก่อนตัดสินใจ

มูลค่าหน่วยลงทุนอาจลดลง และอาจส่งผลให้คุณต้องชำระเบี้ยประกันเพิ่ม (Top-up) เพื่อรักษาวงเงินความคุ้มครองตามที่ระบุในกรมธรรม์ไว้ จึงควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนการตัดสินใจ

  • เบี้ยประกันหลัก คือเบี้ยที่ต้องชำระตามกำหนดเพื่อให้กรมธรรม์มีผลบังคับใช้และให้ความ- คุ้มครอง
  • เบี้ยประกันเพิ่ม (Top-up) คือเบี้ยที่คุณสามารถชำระเพิ่มเติมเข้าไปเมื่อไหร่ก็ได้ เพื่อเพิ่มมูลค่า
  • การลงทุนและเร่งให้เป้าหมายทางการเงินบรรลุผลเร็วขึ้น

เบี้ยประกันภัยส่วนที่นำไปใช้ในการคุ้มครองชีวิตสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ตามที่กฎหมายกำหนดสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี แต่เบี้ยฯ ส่วนที่นำไปลงทุนในกองทุนรวมไม่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้