 
                    ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในทุกวงการ “ธุรกิจประกันภัย” ก็ไม่ต่างกัน การเกิดขึ้นของ Insurtech (Insurance Technology) ได้เข้ามายกระดับวิธีการทำงานของบริษัทประกันภัย ตั้งแต่ขั้นตอนการซื้อกรมธรรม์ การเคลม ไปจนถึงบริการหลังการขาย ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องง่าย สะดวก และโปร่งใสมากขึ้น
ปัจจุบัน Insurtech ในไทยกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะสามารถตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการความรวดเร็วและเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา
Insurtech คือ การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาผสมผสานกับกระบวนการทำงานของธุรกิจประกันภัย เพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด จุดประสงค์หลักของ Insurtech คือการ “ปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้” และ “เพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ระบบประกันภัย”
ตัวอย่างเช่น การใช้ระบบ AI วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเพื่อคำนวณเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสม การอนุมัติกรมธรรม์ผ่านระบบอัตโนมัติ หรือการให้บริการหลังการขายผ่านแชตบอตโดยไม่ต้องรอคิว การบูรณาการเหล่านี้ทำให้การซื้อประกันภัยเข้าถึงง่าย โปร่งใส และตรงใจผู้บริโภคมากขึ้น และยังเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจสมัครตัวแทนประกันได้เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ช่วยเสริมการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ระบบ Insurtech อาศัยการทำงานของเทคโนโลยีดิจิทัลในขั้นตอนของกระบวนการประกันภัย ตั้งแต่การเลือกซื้อกรมธรรม์ไปจนถึงการเคลมและบริการหลังการขาย โดยมีกระบวนการหลักดังนี้
ลูกค้าสามารถเข้าเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของบริษัทประกันภัยเพื่อค้นหาและเปรียบเทียบกรมธรรม์ได้ด้วยตนเอง ไม่จำเป็นต้องผ่านตัวแทนอีกต่อไป
ระบบจะรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล เช่น ประวัติสุขภาพ พฤติกรรมการขับขี่ หรือรูปแบบการใช้ชีวิต เพื่อนำเสนอกรมธรรม์ที่เหมาะสมที่สุดกับความเสี่ยงของแต่ละบุคคล
เมื่อตัดสินใจซื้อแล้ว ลูกค้าสามารถเซ็นสัญญาและชำระเงินผ่านระบบออนไลน์ที่มีความปลอดภัยสูง โดยไม่ต้องใช้เอกสารกระดาษ
หลังจากซื้อประกันภัยและมีเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ลูกค้าสามารถติดต่อสอบถามหรือแจ้งเคลมผ่าน Chatbot หรือ Virtual Assistant ซึ่งช่วยให้การดูแลลูกค้าเป็นเรื่องรวดเร็วและต่อเนื่อง
เบื้องหลังความสำเร็จของ Insurtech คือการนำเทคโนโลยีหลายประเภทมาประยุกต์ใช้ร่วมกัน เพื่อพัฒนาทั้งการให้บริการและการบริหารจัดการภายในองค์กร ซึ่งเทคโนโลยีสำคัญที่กำลังขับเคลื่อนวงการประกันภัย ได้แก่
ใช้สำหรับวิเคราะห์ข้อมูลมหาศาลจากลูกค้า เพื่อคาดการณ์ความเสี่ยง คำนวณเบี้ยประกันภัย และตรวจจับการทุจริตในการเคลมประกันได้อย่างแม่นยำ
เทคโนโลยีนี้ช่วยเพิ่มความโปร่งใสและความปลอดภัยในการจัดเก็บข้อมูลกรมธรรม์ รวมถึงทำให้การชำระเงินและการเคลมประกันภัยสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้อย่างชัดเจน
เข้ามาช่วยตอบคำถามและดูแลลูกค้าแบบเรียลไทม์ ลดภาระของเจ้าหน้าที่ และทำให้ลูกค้ารู้สึกได้รับการดูแลตลอดเวลา
การคิดเบี้ยประกันภัยตามพฤติกรรมจริง เช่น พฤติกรรมการขับขี่ของผู้เอาประกันรถยนต์ หรือข้อมูลสุขภาพจากอุปกรณ์สวมใส่ (Wearable Devices) เพื่อให้ได้เบี้ยฯ ที่ยุติธรรมและตรงกับความเสี่ยงมากที่สุด
เทคโนโลยีเหล่านี้ไม่เพียงเปลี่ยนวิธีให้บริการของบริษัทประกันภัยเท่านั้น แต่ยังเปิดทางให้ตัวแทนรุ่นใหม่ที่ต้องการสมัครตัวแทนขายประกันออนไลน์ สามารถทำงานควบคู่กับระบบดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
Insurtech ไม่ได้เป็นเพียง “นวัตกรรมทางเทคโนโลยี” เท่านั้น แต่ยังเป็น “เครื่องมือทรงพลัง” ที่ช่วยยกระดับวงการประกันภัยให้ทันสมัยและตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ได้ดียิ่งขึ้น ทั้งในมุมของลูกค้าและบริษัทประกันภัยเอง
Insurtech จึงไม่ใช่แค่ “ทางเลือก” แต่กำลังกลายเป็น “มาตรฐานใหม่” ของอุตสาหกรรมประกันภัยในยุคดิจิทัล
แม้ว่า Insurtech จะมอบโอกาสมากมายในการพัฒนาธุรกิจประกันภัย แต่เส้นทางการปรับตัวก็ไม่ได้ง่ายเสมอไป เพราะการเปลี่ยนแปลงเชิงเทคโนโลยีต้องอาศัยทั้ง “ความพร้อมของระบบ” และ “ความเชื่อมั่นจากผู้บริโภค” ควบคู่กันไป
กฎหมายด้านธุรกิจประกันภัยในไทยยังไม่สามารถขยับตัวได้เร็วเท่ากับนวัตกรรมที่เกิดขึ้น ทำให้หลายบริษัทต้องใช้เวลาขออนุมัติหรือปรับตัวให้เข้ากับข้อบังคับที่มีอยู่ ซึ่งอาจทำให้การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ล่าช้าไปบ้าง
แม้คนรุ่นใหม่จะเริ่มคุ้นเคยกับการซื้อประกันออนไลน์ แต่คนส่วนใหญ่ยังคงให้ความไว้วางใจกับการซื้อผ่าน “ตัวแทน” มากกว่า เพราะต้องการคำแนะนำแบบใกล้ชิดและความมั่นใจในการตัดสินใจ การสร้างความเชื่อมั่นผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลจึงเป็นสิ่งที่ Insurtech ต้องให้ความสำคัญ
อีกหนึ่งความท้าทายของ Insurtech คือการปกป้องข้อมูลลูกค้าที่มีความอ่อนไหว เช่น ข้อมูลสุขภาพและการเงิน เพราะแม้เทคโนโลยีจะช่วยให้บริการรวดเร็วขึ้น แต่ก็มาพร้อมความเสี่ยงด้านความปลอดภัย หากระบบไม่แข็งแรงพอ อาจเกิดการรั่วไหลหรือถูกโจมตีทางไซเบอร์ได้ จึงจำเป็นต้องมีมาตรการคุ้มครองข้อมูลอย่างรัดกุมตามกฎหมาย PDPA เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคในระยะยาว
เมื่อมองไปข้างหน้า ภาพของ Insurtech ในประเทศไทย กำลังขยับเข้าใกล้ยุค “ประกันภัยอัจฉริยะ” ที่ผสานเทคโนโลยีเข้ากับชีวิตประจำวันอย่างแนบเนียน หนึ่งในแนวโน้มสำคัญคือ การบูรณาการ Insurtech เข้ากับ HealthTech และ FinTech ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบบริการประกันภัยไปอย่างสิ้นเชิง เช่น
เมื่อเทคโนโลยีเหล่านี้ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ผู้บริโภคจะได้สัมผัส “ประสบการณ์ประกันภัยครบวงจร” ที่ตอบโจทย์ทั้งการดูแลสุขภาพ การบริหารความเสี่ยง และการจัดการทางการเงินได้ในที่เดียว

การมาของ Insurtech ไม่ได้ทำให้บทบาทของตัวแทนประกันชีวิตสิ้นสุดลง แต่กลับกลายเป็นโอกาสสำคัญที่จะยกระดับอาชีพนี้ให้ทันยุคดิจิทัล เพราะแม้เทคโนโลยีจะช่วยเพิ่มความรวดเร็วและความแม่นยำ แต่ “มนุษย์” ยังคงมีคุณค่าที่เทคโนโลยีทดแทนไม่ได้ นั่นคือการให้คำปรึกษา สร้างความไว้วางใจ และเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง
หากคุณต้องการเติบโตในอาชีพที่ผสาน “เทคโนโลยี” เข้ากับ “ความเข้าใจผู้คน” นี่คือเวลาที่เหมาะที่สุดในการสมัครตัวแทนขายประกันออนไลน์ AIA ภายใต้การดูแลของ Money Adwise เราพร้อมมอบการฝึกอบรมครบวงจรด้วยเครื่องมือดิจิทัลที่ทันสมัย พร้อมให้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ เพียงกรอกแบบฟอร์มลงทะเบียนที่หน้าเว็บไซต์วันนี้ แล้วรอเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ เพื่อเริ่มต้นก้าวแรกของคุณในเส้นทาง “ตัวแทนประกันชีวิตยุคดิจิทัล” ไปพร้อมกับเรา
ข้อมูลอ้างอิง