แนะนำวิธีลดหย่อนภาษีฉบับปี 2025 ที่วัยทำงานทุกคนไม่ควรพลาด

แนะนำวิธีลดหย่อนภาษีฉบับปี 2025 ที่วัยทำงานทุกคนไม่ควรพลาด

แนะนำเกี่ยวกับการเสียภาษี ที่ผู้มีรายได้จำเป็นต้องทำ

ในทุกปี ผู้มีรายได้ในประเทศไทยจำเป็นต้องยื่นแบบแสดงรายได้และชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามที่กฎหมายกำหนด โดยเฉพาะกลุ่มคนวัยทำงาน ไม่ว่าจะเป็นพนักงานประจำ เจ้าของกิจการ หรือฟรีแลนซ์ ล้วนมีหน้าที่ตามกฎหมายในการเสียภาษีเพื่อร่วมพัฒนาประเทศ แต่ที่หลาย ๆ คนยังไม่เข้าใจคือ การเสียภาษีไม่ใช่ภาระเสมอไป หากคุณรู้จักวางแผนล่วงหน้าและใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีอย่างถูกต้อง คุณก็สามารถประหยัดภาษีไปได้หลายหมื่นบาทต่อปี

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (Personal Income Tax) คำนวณจาก "รายได้สุทธิ" ซึ่งมาจากรายได้รวมลบด้วยค่าลดหย่อนและค่าใช้จ่ายที่กฎหมายกำหนด ยิ่งคุณวางแผนการเงินได้ดี และเรียนรู้วิธีลดหย่อนภาษีได้ครบถ้วนมากเท่าไหร่ รายได้สุทธิที่ใช้ในการคำนวณภาษีก็จะยิ่งน้อยลงเท่านั้น ซึ่งหมายถึงภาระภาษีก็ลดลงตามไปด้วย สิ่งสำคัญที่คุณควรเริ่มทำตั้งแต่ต้นปีคือ ต้องมีการวางแผนการเงินส่วนบุคคลและสำรวจสิทธิประโยชน์ที่สามารถใช้ในการ ลดหย่อนภาษีปี 2568 (2025) ได้ เพื่อให้มีเวลาเพียงพอในการตัดสินใจลงทุน หรือจัดเตรียมเอกสารให้ถูกต้องตามกฎหมาย

แนวทางการลดหย่อนภาษี มีอะไรบ้าง

หลายคนอาจคุ้นเคยกับการลดหย่อนภาษีเพียงไม่กี่รายการ เช่น เบี้ยประกันชีวิต หรือการซื้อกองทุน RMF/SSF แต่ในความเป็นจริง ยังมีอีกหลายหมวดหมู่ที่สามารถใช้เป็นสิทธิลดหย่อนได้ตามกฎหมาย หากคุณเข้าใจและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างครบถ้วน จะสามารถช่วยประหยัดภาษีได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในปี 2025 ที่ภาครัฐยังคงส่งเสริมการออมและการลงทุนของประชาชนอย่างต่อเนื่อง สำหรับรายการลดหย่อนภาษีที่ควรรู้ในปี 2025 มีดังนี้

1.เบี้ยประกันชีวิต/ประกันสุขภาพ

  • ประกันชีวิตแบบบำนาญ: ลดหย่อนได้สูงสุด 200,000 บาท
  • ประกันสุขภาพตนเอง: ลดหย่อนได้ไม่เกิน 25,000 บาท
  • ประกันสุขภาพบิดา-มารดา: ลดหย่อนได้ตามจริง ไม่เกิน 15,000 บาท

2.กองทุนรวมเพื่อการเกษียณ

  • กองทุน RMF และ SSF:
  • RMF ลดหย่อนได้สูงสุด 30% ของรายได้ไม่เกิน 500,000 บาท
  • SSF ลดหย่อนได้สูงสุด 30% ของรายได้ไม่เกิน 200,000 บาท (เฉพาะกองทุนที่ลงทุนในหุ้นไทยหรือสินทรัพย์ที่รัฐกำหนด)

3.ค่าลดหย่อนส่วนบุคคลและครอบครัว

  • ค่าลดหย่อนส่วนตัว: 60,000 บาท
  • คู่สมรสไม่มีรายได้: 60,000 บาท
  • บุตรคนละ 30,000 บาท (คนที่สองขึ้นไปเพิ่มเป็น 60,000 บาท)
  • บิดา มารดา: คนละ 30,000 บาท (ต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี)

4.การบริจาคเงิน

  • บริจาคให้สถานศึกษาหรือหน่วยงานที่รัฐรับรอง: ลดหย่อนได้ 2 เท่าของยอดบริจาค
  • บริจาคเงินให้พรรคการเมือง: ลดหย่อนได้สูงสุด 10,000 บาท

5.ดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อซื้อบ้าน

  • ลดหย่อนได้สูงสุด 100,000 บาทต่อปี สำหรับดอกเบี้ยที่จ่ายให้ธนาคาร

6.โครงการช้อปดีมีคืน (หากรัฐประกาศใช้ต่อเนื่อง)

  • หากมีการประกาศในปี 2025 อีกครั้ง สามารถนำค่าใช้จ่ายที่ซื้อสินค้า/บริการในช่วงเวลาที่รัฐกำหนดมาหักลดหย่อนได้สูงสุด 40,000 บาท

ข้อกำหนดของผู้ที่เข้าข่ายการเสียภาษี มีอะไรบ้าง

ไม่ใช่ทุกคนที่มีรายได้จะต้องเสียภาษี แต่ผู้ที่มีรายได้เกินเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด จำเป็นต้องยื่นภาษีตามระยะเวลา และต้องเสียภาษีตามอัตราที่กำหนดตามขั้นบันไดภาษี ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ปี 2025 (Progressive Rate)

รายได้สุทธิ (บาทต่อปี)
อัตราภาษี (%)
0 - 150,000
ยกเว้น
150,001 - 300,0005%
300,001 - 500,00010%
500,001 - 750,00015%
750,001 - 1,000,00020%
1,000,001 - 2,000,00025%
2,000,001 - 5,000,000
30%
มากกว่า 5,000,000
35%


หากรายได้ของคุณอยู่ในระดับที่ต้องเสียภาษี การเริ่มต้นวางแผนใช้สิทธิลดหย่อนตั้งแต่ต้นปีจะช่วยกระจายภาระและลดจำนวนภาษีที่ต้องจ่ายจริงได้อย่างมาก ซึ่งผู้ที่เข้าใจว่าหลักการลดหย่อนภาษี คืออะไรอย่างชัดเจน ย่อมได้เปรียบในการวางแผนภาษีมากกว่าคนที่รอให้ถึงปลายปีแล้วจึงค่อยเริ่มจัดการ

บริการที่ปรึกษาทางการเงินจาก Money Adwise ช่วยวางแผนการจ่ายภาษีและลดหย่อนอย่างละเอียด

แม้ว่าข้อมูลภาษีในปัจจุบันจะสามารถศึกษาได้จากแหล่งข้อมูลออนไลน์ แต่หลายครั้งผู้เสียภาษียังสับสนหรือใช้สิทธิ์ไม่ครบ เนื่องจากไม่เข้าใจรายละเอียด หรือไม่มีเวลาในการวางแผนอย่างรอบด้าน การมีที่ปรึกษาทางการเงินที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ช่วยดูแล จะทำให้คุณไม่พลาดโอกาสในการใช้สิทธิ์ ลดหย่อนภาษี และสามารถจัดการภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยบริการวางแผนการเงินส่วนบุคคลจาก Money Adwise ครอบคลุมบริการดังนี้

  • วิเคราะห์สถานะทางการเงินปัจจุบัน - การวิเคราะห์สถานะทางการเงินปัจจุบันอย่างละเอียด รวมถึงการตรวจสอบรายรับ รายจ่าย สินทรัพย์ และหนี้สิน เพื่อทำการประเมินว่าในตอนนี้สถานะการเงินเป็นอย่างไร 
  • แผนการออมและการลงทุน - แนะนำการกำหนดเป้าหมายการออมเงินในระยะสั้นและระยะยาว และเลือกช่องทางการลงทุนที่เหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มผลตอบแทนในอนาคต 
  • แผนการศึกษาบุตร - วางแผนการศึกษาบุตร เพื่อช่วยเพิ่มความมั่นใจได้ว่าจะสามารถรองรับค่าใช้จ่ายในการศึกษาที่สูงขึ้นในอนาคต
  • แผนเกษียณอายุ - เริ่มต้นออมเงินเพื่อการเกษียณตั้งแต่เนิ่นๆ จะทำให้เกิดความมั่นคงทางการเงินเมื่อถึงวัยเกษียณ
  • แผนภาษีเงินได้ - วางแผนภาษีเงินได้เพื่อลดภาระทางการเงิน โดยการใช้ประโยชน์จากการลดหย่อนภาษี 
  • แผนการบริหารความเสี่ยงด้านชีวิต - การทำประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองชีวิตและครอบครัวในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด 
  • แผนการบริหารความเสี่ยงด้านสุขภาพ - ทีมงานจะแนะนำประกันสุขภาพที่มีความคุ้มครองที่เหมาะสมกับความต้องการ เพื่อช่วยให้คุณและครอบครัวไม่ต้องเผชิญกับภาระค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด
  • แผนการจัดการทรัพย์สินและมรดก - การทำพินัยกรรมและการจัดการมรดกอย่างรอบคอบ ช่วยให้ทรัพย์สินที่คุณสะสมมาถูกส่งต่อไปยังคนที่คุณรักได้ตามเจตนารมณ์

สรุป

การจัดการภาษีไม่ใช่เรื่องที่ควรรอจนถึงปลายปีแล้วค่อยเร่งมือ การเข้าใจสิทธิ ลดหย่อนภาษี และเริ่มวางแผนตั้งแต่ต้นปีจะช่วยให้คุณสามารถเลือกใช้สิทธิได้เต็มที่ และกระจายภาระภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังเป็นการส่งเสริมวินัยทางการเงินอีกด้วยหากคุณไม่แน่ใจว่า การลดหย่อนภาษีมีอะไรบ้าง, จะใช้วิธีลดหย่อนภาษีแบบใดให้คุ้มที่สุด หรือแม้แต่ต้องการคำแนะนำเพื่อให้เข้าใจว่า ลดหย่อนภาษีคืออะไรอย่างลึกซึ้ง การมีผู้เชี่ยวชาญจากทีมของ Money Adwise เคียงข้าง จะช่วยให้คุณมั่นใจในทุกการวางแผน ตัดสินใจได้ถูกต้อง และใช้ทุกสิทธิให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมส่งเสริมให้คุณมีระบบการเงินที่มั่นคง ยั่งยืน และตอบโจทย์เป้าหมายชีวิตในทุกช่วงวัย

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้